วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

(ร่าง) ยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ 2555

(ร่าง) ยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ 2555
  • รูปแบบการดำเนินงานบูรณาการระบบดิจิตอลเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาและยกระดับการศึกษาไทย ดาวน์โหลด

  • นโยบายพรรคเพื่อไทย ดาวน์โหลด

  • ร่างยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ 2554-2555 ดาวน์โหลด1 ดาวน์โหลด 2

  • ยุทธศาสตร์ 2555 ดาวน์โหลด

  • Road Map ยุทธศาสตร์ 2555 ดาวน์โหลด

  • ศธ.เตรียมฟื้นโครงการทุนอำเภอ

    นายอภิชาติ จีระวุฒิ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศธ. ได้มอบนโยบายให้ศธ.ดำเนินการนั้น ในส่วนของสำนักงานปลัด ศธ. ซึ่งดูแล 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) และ สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)รมว.ศธ.ได้มอบหมายให้ กศน.เร่งดำเนินการ 2 เรื่องหลัก คือ 1.การจัดการศึกษาผู้สูงอายุ , เด็กเร่ร่อน และเด็กที่ออกกลางคันจากโรงเรียนในระบบ และ 2.ให้เพิ่มสัดส่วนการจัดการศึกษาต่อเนื่องหรือการศึกษาอาชีพ เพื่อให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้ ซึ่ง กศน.จะต้องไปปรับกระบวนการจัดการเรียนการสอนและจัดหาวิทยากรมาสอนอาชีพเพิ่มขึ้น โดยตนได้มอบให้สำนักงาน กศน.ไปดำเนินการแล้ว อย่างไรก็ตามในการจัดการศึกษาอาชีพนั้นอาจจะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนวิทยากร เนื่องจากที่ไม่ได้ปรับมาตั้งแต่ปี 2532 แต่เมื่อ รมว.ศธ. ให้ความสำคัญก็คงต้องมีการปรับเพื่อนำมาจ้างวิทยากรที่มีความรู้สามารถจริง ๆ เข้ามาสอนอาชีพได้ และจูงใจให้คนเข้ามาเรียนมากขึ้น

    ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของ สช.นั้น คงต้องไปปรับวิธีการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนเอกชน ทั้งสายสามัญและสายวิชาชีพให้สอดคล้องกับนโยบายมากขึ้น สำหรับ ก.ค.ศ.ก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้ครูปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มความรู้ความสามารถและยกระดับการเรียนการสอนให้ดีที่สุด โดยใช้มาตรการจูงใจด้วยระบบตำแหน่งและอัตราเงินเดือน  และที่สำคัญ ก.ค.ศ.จะต้องไปพิจารณาเรื่องการปรับอัตราเงินเดือนครูที่มีวุฒิปริญญาตรีให้ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะต้องดูทั้งระบบว่าจะปรับอย่างไร เพื่อแจ้งไปยังหน่วยงานที่มีครูในสังกัดดำเนินการของบประมาณส่วนนี้เพิ่มเติม

    รมว.ศธ.ยังมอบหมายให้ประสานงานไปยังคุรุสภาเพื่อพิจารณาทบทวนเรื่องใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู เพื่อดูแลผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูแต่มีความจำเป็นที่จะต้องขอให้มาช่วยสอนในสาขาที่ขาดแคลน เช่น ช่างสาขาต่าง ๆ  หรือ พ่อครัว เป็นต้น นอกจากนี้รมว.ศธ.ยังมีนโยบายที่จะฟื้น โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน  ซึ่งจะเป็นรุ่นที่ 3 หลังจากยุติโครงการไปหลายปี โดยจะเริ่มในปี 2555 ซึ่งสำนักงานปลัดศธ.จะต้องเร่งดำเนินการต่อไปนายอภิชาตกล่าว

    ที่มา : นสพ.เดลินิวส์

    "พท."รื้อใหญ่"เรียนฟรี"ไม่ให้ครบทุกคน

    "ภาวิช" เผยพรรคเพื่อไทยเตรียมรื้อนโยบายเรียนฟรี 15 ปี เปลี่ยนคำเรียกใหม่เป็น "โครงการรัฐออกค่าใช้จ่ายให้" จะไม่แจกฟรีให้เด็กทุกคนอีก แต่จะให้เรียนฟรีเฉพาะครอบครัวยากจนเท่านั้น และแบ่งโซนจัดสรรงบตามสภาพพื้นที่ ดูแลเด็กตั้งแต่ในท้องยันคลอดถึง ม.ปลาย จวกนโยบายเรียนฟรี ปชป.ล้มเหลว ทำให้เกิดปัญหาขาดงบ ต้องปิด รร.ขนาดเล็ก "ปลัด ศธ." ขานรับพร้อมไปศึกษาทันที
     นายภาวิช ทองโรจน์ ผู้จัดทำนโยบายการศึกษา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความชัดเจนนโยบายเรียนฟรีตั้งแต่แรกเกิดว่า ขณะนี้นโยบายดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนคำเปลี่ยนประโยคแล้ว เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิดเหมือนนโยบายของรัฐบาลเก่าที่ใช้คำว่า ฟรีจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่ารัฐบาลได้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด 100% โดยการเปลี่ยนคำเปลี่ยนประโยคเป็น โดยรัฐออกค่าใช้จ่ายให้เบื้องต้นสำหรับนโยบายดังกล่าวนั้น จะออกค่าใช้จ่ายในส่วนใด เท่าไหร่ ก็ต้องรอตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน ซึ่งวัตถุประสงค์ของนโยบายนี้ชัดเจนอยู่แล้วที่ต้องการจะออกค่าเล่าเรียนให้นักเรียน แต่ก็อาจจะไม่ทั้งหมด เพราะต้องมาดูบริบทของพื้นที่ก่อน ว่าพื้นที่ไหนควรออกค่าใช้จ่ายให้ได้ทั้งหมด และพื้นที่ไหนควรออกค่าใช้จ่ายแค่บางส่วน แต่ยืนยันว่ารัฐบาลใหม่จะออกค่าใช้จ่ายในแต่ละรายการให้มากกว่ารัฐบาลเก่าแน่นอน
     คงทำไม่ได้แน่ หากรัฐบาลต้องออกค่าใช้จ่ายให้นักเรียนทั้งหมด เพราะต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก แต่แนวทางเบื้องต้น รัฐก็ยังให้โอกาสสำหรับครอบครัวที่มีฐานะยากจนจริงๆ ที่จะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดด้วย อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ในนโยบายดังกล่าวก็มีวัตถุประสงค์ที่จะดูแลเด็ก ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์เลย เบื้องต้นอาจเริ่มต้นด้วยการแนะนำการปฏิบัติตัวให้แม่ทั้งก่อนคลอดและหลังคลอด การแนะนำเรื่องสารอาหาร อาทิ ไอโอดีน เป็นต้น
     นายภาวิชกล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายเรียนฟรี เรียนดี 15 อย่างมีคุณภาพ ของรัฐบาลเก่านั้น ตนเห็นว่าล้มเหลวอย่างมาก เพราะดันไปตั้งงบอุดหนุนรายหัวให้เด็กในจำนวนที่เท่ากันทั้งหมด โดยไม่ได้ดูว่าเด็กคนไหนมีฐานะครอบครัวดีหรือยากจน ส่งผลให้งบอุดหนุนดังกล่าวไม่ได้ไปช่วยเหลือเด็กที่มีครอบครัวฐานะยากจนมากนัก ดังนั้น นโยบายของรัฐบาลใหม่ก็จะมีการจัดสรรงบอุดหนุนรายหัวให้เด็กไม่เท่ากัน โดยดูบริบทฐานะทางครอบครัวเป็นหลัก อาทิ เด็กจนได้รับการอุดหนุนทั้งหมด เด็กรวยได้รับการอุดหนุนบางส่วน หรือไม่ได้รับเลย เพื่อจะได้ไม่ใช้งบมาก และจะได้เกิดประโยชน์กับเด็กจนอย่างแท้จริง ดังนั้น นโยบายของรัฐบาลใหม่นอกจากจัดสรรงบอุดหนุนรายหัวใหม่ เพื่อให้มีงบเหลือแล้ว ก็จะไม่ไปไล่ปิด รร.ขนาดเล็ก และไม่ไปจำกัดการซื้อหนังสืออ่านเสริมด้วย นโยบายนี้จะสามารถเริ่มใช้ได้ในปีการศึกษา 2555
     ผมได้ข้อมูลมาว่ารัฐบาลเก่าได้ใช้งบไปอุดหนุนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้งบในส่วนอื่นๆ เริ่มขาดและถูกจำกัด อย่างการซื้อหนังสือเรียนฟรี รัฐก็จัดซื้อหนังสือหลักๆ ของแต่ละกลุ่มสาระเท่านั้น โดยไม่มีการจัดซื้อหนังสือเพื่อไว้อ่านเสริมเลย ส่งผลให้คะแนนสอบต่างๆ เริ่มจะตก อาทิ ผลสอบโอเน็ตนายภาวิชกล่าว
     นายอภิชาติ จีระวุฒิ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) กล่าวว่า ตนได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการสำนักงานปลัด ศธ. เพื่อเตรียมการปรับแผนโครงการตามนโยบายพรรคเพื่อไทย โดยมีเรื่องสำคัญที่ได้มอบหมายให้ไปจัดทำรายละเอียด  คือ โครงการเรียนฟรี ที่รัฐบาลใหม่มีนโยบายว่าให้เรียนฟรีเริ่มตั้งแต่แรกเกิด
        ซึ่งในทางปฏิบัตินั้น เด็กทารกแรกเกิดไปจนกระทั่งก่อนอายุ 4 ปี จะอยู่ในการดูแลของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะดูแลตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ดังนั้น ทั้ง  3 หน่วยงานอาจจะต้องมาหารือร่วมกัน โดยเบื้องต้นคงต้องรอดูรายละเอียดที่แน่ชัดว่า นโยบายดังกล่าวจะทำให้ต้องมีการจำแนกงบประมาณเรียนฟรีไปให้แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเด็กหรือไม่ ทั้งนี้ ในฐานะผู้ปฏิบัติงานมองว่าการดำเนินโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ที่ผ่านมาระยะเวลา 3 ปีนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จ ถึงแม้ในช่วงแรกอาจจะมีติดขัดบ้าง แต่ขณะนี้ก็ได้ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ค่อนข้างครบถ้วนแล้ว.

    ที่มา : นสพ.ไทยโพสต์

    ก.ค.ศ.ปรับใหญ่เกณฑ์แต่งตั้งผอ.ร.ร

    ก.ค.ศ.ปรับใหญ่เกณฑ์แต่งตั้งผอ.ร.ร
    ก.ค.ศ.ปรับใหญ่เกณฑ์แต่งตั้งผอ.ร.ร. ยึด4หลักการย้าย-ยื่นคำร้องขอได้ตั้งแต่ 9-19ส.ค.

    นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวภายหลังการประชุมก.ค.ศ. เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ซึ่งมีประเด็นหลักๆ ที่ปรับแก้ 1.หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายใหม่ เช่น ผู้บริหารสถานศึกษาหมายถึง ผอ.และรอง ผอ.สถานศึกษา 2.กำหนดให้การแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปฏิบัติงานในสถานศึกษานี้ แต่มีความสามารถมีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 1 ปี 3.การจัดประเภทของสถานศึกษาเป็น 4 ประเภท ได้แก่ สถานศึกษาสังกัด สพป. สพม. สถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษและสถานศึกษาที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ และสถานศึกษาคุณภาพพิเศษ 4.การกำหนดขนาดสถานศึกษา 4 ขนาด เปิดช่องให้ผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็กย้ายข้ามไปขนาดใหญ่ได้หากเหมาะสม

    "การขอย้ายกรณีพิเศษแต่ละครั้งจะมีการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองในระดับเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ซึ่งมี ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นประธาน นอกจากนี้จะให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ มีรองฯ กพฐ.เป็นประธาน" นางศิริพรกล่าว

    เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวต่อว่า การย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มสถานศึกษาวัตถุประสงค์พิเศษ และสถานศึกษาคุณภาพพิเศษ จะให้มีคณะกรรมการกลั่นกรอง มีเลขาฯ กพฐ.เป็นประธาน เสนอให้อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่พิจารณา ซึ่งอาจเห็นชอบด้วยหรือไม่ก็ได้ สำหรับรายชื่อร.ร.กลุ่มนี้ สพฐ.จะต้องเสนอให้ที่ประชุม กพฐ.เห็นชอบ และประกาศในวันที่ 8 ส.ค.นี้ สำหรับปฏิทินการย้ายประจำปี 2554 จะให้ยื่นคำร้องขอย้ายระหว่างวันที่ 9-19 ส.ค.

    ที่มา : นสพ.ข่าวสด

    “วรวัจน์” ประกาศแจกแท็บเล็ตครูทุกคน

    “วรวัจน์” ประกาศแจกแท็บเล็ตครูทุกคน ปัดแบ่งงานใหม่ อ้อนขอเวลาตัดสิน ยาหอมบิ๊ก ศธ. ไม่มีโยกย้ายฟ้าผ่า

    นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์กรณี รมช.ศึกษาธิการจะขอหารือเรื่องการแบ่งงานใหม่ เนื่องจากมองว่าเป็นการรวบอำนาจและอาจจะเป็นปัญหาทางการเมืองในอนาคตว่า เรื่องนี้น่าจะทำความเข้าใจกันได้ ปัญหาคนในพรรคไม่ใช่ประเด็นปัญหา เรื่องดีที่สุดคือประสิทธิภาพของงานและสิ่งที่ประชาชนได้รับ  อยากให้ลองทำงานในรูปแบบใหม่ก่อนว่าดีหรือไม่ดี ทำไมต้องกลับไปสู่ระบบเก่า ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าคำพูดมองดูดีแต่อาจมีปัญหาในทางปฏิบัตินั้น เรื่องนี้มีการพูดคุยกันแล้วทุกองค์กรหลักก็บอกว่าไม่มีปัญหาสามารถแบ่งงานกันได้  หากรัฐมนตรีท่านไหนลงพื้นที่ทุกองค์กรหลักจะต้องลงไปหมดเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันจะทำให้มีพลังพัฒนาพื้นที่ ไม่ใช่รัฐมนตรีคนไหนกำกับแท่งไหนก็ลงไปเฉพาะแท่งนั้น  ทั้งนี้ หากแบ่งงานในความรับผิดชอบตามภูมิภาคแล้วประสิทธิภาพของงานออกมาไม่ดี ตนก็พร้อมที่จะพูดคุยกันอีกครั้ง แต่ส่วนตัวมองว่ารูปแบบการทำงานแบบนี้อาจจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีก็ได้ ขอเวลาได้ลองทำงานดูก่อน

    ต่อข้อถามว่าจะให้เวลาข้าราชการทำงานกี่เดือนถึงจะพิจารณาโยกย้าย นายวรวัจน์กล่าวว่า จะปล่อยให้เป็นไปตามวาระปกติ เพราะตนไม่มีอะไรในใจ ไม่มีคนของใคร  ตนเข้ามาทำงานร่วมกัน  คนไหนมีประสิทธิภาพก็ทำหน้าที่ไป ยืนยันว่าจะไม่เอาใครเข้ามาเป็นพิเศษหรือย้ายข้ามห้วย  ยกเว้นเพื่อประสิทธิภาพของงานเท่านั้น

    รมว.ศึกษาธิการกล่าวด้วยว่า  ส่วนการแจกแท็บเล็ตนั้น ไม่ใช่จะมีเฉพาะนักเรียนเท่านั้นแต่ครูทุกคนที่อยู่ในระบบการเรียนการสอนก็ต้องมีแท็บเล็ตด้วยเพราะต้องใช้ตรวจสอบส่งความรู้และสื่อสารกับนักเรียน อย่างไรก็ตามการกำหนดสเปกคงไม่ใช่สเปกเดียวแล้วใช้กับทุกระดับชั้น  แต่ให้เป็นไปตามหลักสูตรของแต่ละชั้นเรียน ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไปกำหนดสเปก ส่วนกรณีที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศแสดงท่าทีจะซื้อแท็บเล็ตนั้นต้องพูดคุยกันอีกครั้ง

    ขณะที่ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวว่าการปฏิรูปการศึกษาไทยในทศวรรษใหม่จำเป็นต้องเริ่มต้นที่ผลการเรียนรู้ของลูกศิษย์เป็นตัวตั้ง ไม่ได้อยู่ที่ครู ผู้บริหาร งบประมาณ กระทรวง หรือแม้กระทั่งการซื้อแท็บเล็ตแจกนักเรียนตามที่มีพรรคการเมืองใช้หาเสียง โดยอ้างว่าจะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีขึ้น.
    โดย: ทีมข่าวการศึกษา
    18 สิงหาคม 2554, 07:00 น.