"ภาวิช" เผยพรรคเพื่อไทยเตรียมรื้อนโยบายเรียนฟรี 15 ปี เปลี่ยนคำเรียกใหม่เป็น "โครงการรัฐออกค่าใช้จ่ายให้" จะไม่แจกฟรีให้เด็กทุกคนอีก แต่จะให้เรียนฟรีเฉพาะครอบครัวยากจนเท่านั้น และแบ่งโซนจัดสรรงบตามสภาพพื้นที่ ดูแลเด็กตั้งแต่ในท้องยันคลอดถึง ม.ปลาย จวกนโยบายเรียนฟรี ปชป.ล้มเหลว ทำให้เกิดปัญหาขาดงบ ต้องปิด รร.ขนาดเล็ก "ปลัด ศธ." ขานรับพร้อมไปศึกษาทันที
นายภาวิช ทองโรจน์ ผู้จัดทำนโยบายการศึกษา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความชัดเจนนโยบายเรียนฟรีตั้งแต่แรกเกิดว่า ขณะนี้นโยบายดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนคำเปลี่ยนประโยคแล้ว เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิดเหมือนนโยบายของรัฐบาลเก่าที่ใช้คำว่า “ฟรี” จนทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่ารัฐบาลได้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด 100% โดยการเปลี่ยนคำเปลี่ยนประโยคเป็น “โดยรัฐออกค่าใช้จ่ายให้” เบื้องต้นสำหรับนโยบายดังกล่าวนั้น จะออกค่าใช้จ่ายในส่วนใด เท่าไหร่ ก็ต้องรอตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน ซึ่งวัตถุประสงค์ของนโยบายนี้ชัดเจนอยู่แล้วที่ต้องการจะออกค่าเล่าเรียนให้นักเรียน แต่ก็อาจจะไม่ทั้งหมด เพราะต้องมาดูบริบทของพื้นที่ก่อน ว่าพื้นที่ไหนควรออกค่าใช้จ่ายให้ได้ทั้งหมด และพื้นที่ไหนควรออกค่าใช้จ่ายแค่บางส่วน แต่ยืนยันว่ารัฐบาลใหม่จะออกค่าใช้จ่ายในแต่ละรายการให้มากกว่ารัฐบาลเก่าแน่นอน
“คงทำไม่ได้แน่ หากรัฐบาลต้องออกค่าใช้จ่ายให้นักเรียนทั้งหมด เพราะต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก แต่แนวทางเบื้องต้น รัฐก็ยังให้โอกาสสำหรับครอบครัวที่มีฐานะยากจนจริงๆ ที่จะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดด้วย อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ในนโยบายดังกล่าวก็มีวัตถุประสงค์ที่จะดูแลเด็ก ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์เลย เบื้องต้นอาจเริ่มต้นด้วยการแนะนำการปฏิบัติตัวให้แม่ทั้งก่อนคลอดและหลังคลอด การแนะนำเรื่องสารอาหาร อาทิ ไอโอดีน เป็นต้น”
นายภาวิชกล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายเรียนฟรี เรียนดี 15 อย่างมีคุณภาพ ของรัฐบาลเก่านั้น ตนเห็นว่าล้มเหลวอย่างมาก เพราะดันไปตั้งงบอุดหนุนรายหัวให้เด็กในจำนวนที่เท่ากันทั้งหมด โดยไม่ได้ดูว่าเด็กคนไหนมีฐานะครอบครัวดีหรือยากจน ส่งผลให้งบอุดหนุนดังกล่าวไม่ได้ไปช่วยเหลือเด็กที่มีครอบครัวฐานะยากจนมากนัก ดังนั้น นโยบายของรัฐบาลใหม่ก็จะมีการจัดสรรงบอุดหนุนรายหัวให้เด็กไม่เท่ากัน โดยดูบริบทฐานะทางครอบครัวเป็นหลัก อาทิ เด็กจนได้รับการอุดหนุนทั้งหมด เด็กรวยได้รับการอุดหนุนบางส่วน หรือไม่ได้รับเลย เพื่อจะได้ไม่ใช้งบมาก และจะได้เกิดประโยชน์กับเด็กจนอย่างแท้จริง ดังนั้น นโยบายของรัฐบาลใหม่นอกจากจัดสรรงบอุดหนุนรายหัวใหม่ เพื่อให้มีงบเหลือแล้ว ก็จะไม่ไปไล่ปิด รร.ขนาดเล็ก และไม่ไปจำกัดการซื้อหนังสืออ่านเสริมด้วย นโยบายนี้จะสามารถเริ่มใช้ได้ในปีการศึกษา 2555
“ผมได้ข้อมูลมาว่ารัฐบาลเก่าได้ใช้งบไปอุดหนุนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้งบในส่วนอื่นๆ เริ่มขาดและถูกจำกัด อย่างการซื้อหนังสือเรียนฟรี รัฐก็จัดซื้อหนังสือหลักๆ ของแต่ละกลุ่มสาระเท่านั้น โดยไม่มีการจัดซื้อหนังสือเพื่อไว้อ่านเสริมเลย ส่งผลให้คะแนนสอบต่างๆ เริ่มจะตก อาทิ ผลสอบโอเน็ต” นายภาวิชกล่าว
นายอภิชาติ จีระวุฒิ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) กล่าวว่า ตนได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการสำนักงานปลัด ศธ. เพื่อเตรียมการปรับแผนโครงการตามนโยบายพรรคเพื่อไทย โดยมีเรื่องสำคัญที่ได้มอบหมายให้ไปจัดทำรายละเอียด คือ โครงการเรียนฟรี ที่รัฐบาลใหม่มีนโยบายว่าให้เรียนฟรีเริ่มตั้งแต่แรกเกิด
ซึ่งในทางปฏิบัตินั้น เด็กทารกแรกเกิดไปจนกระทั่งก่อนอายุ 4 ปี จะอยู่ในการดูแลของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะดูแลตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ดังนั้น ทั้ง 3 หน่วยงานอาจจะต้องมาหารือร่วมกัน โดยเบื้องต้นคงต้องรอดูรายละเอียดที่แน่ชัดว่า นโยบายดังกล่าวจะทำให้ต้องมีการจำแนกงบประมาณเรียนฟรีไปให้แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเด็กหรือไม่ ทั้งนี้ ในฐานะผู้ปฏิบัติงานมองว่าการดำเนินโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ที่ผ่านมาระยะเวลา 3 ปีนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จ ถึงแม้ในช่วงแรกอาจจะมีติดขัดบ้าง แต่ขณะนี้ก็ได้ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ค่อนข้างครบถ้วนแล้ว.
ที่มา : นสพ.ไทยโพสต์
ข้อมูลอัพเดตไหมคะ ผอ.
ตอบลบ