วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

นโยบาย 6 เดือน 6 คุณภาพ ของ กระทรวงศึกษาธิการ

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมกระทรวงศึกษาธิการครั้งที่ ๗/๒๕๕๓ เมื่อเร็วๆ นี้
      รมว.ศธ. กล่าวว่า จุดเน้นเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาของ ศธ.ในปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ได้ขอให้องค์กรหลักและส่วนราชการในกำกับ ศธ. มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม โดยร่วมกันทำงานเชิงบูรณาการ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อพัฒนาการศึกษาของ ศธ.ให้เจริญก้าวหน้า และสนองตอบต่อการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองอย่างแท้จริง โดยควรทำให้ประชาชนเห็นว่า เด็กไทยจะเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพได้อย่างไร และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง
        ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นสำคัญ ดังนี้
        1.จุดเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้งระบบ  ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ศธ.จะมีการประกาศจุดเน้น “6 เดือน 6 คุณภาพการศึกษาให้มีความชัดเจน ได้แก่
           1. โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพซึ่งได้รับงบปี 2554 เพิ่มเป็น 8 หมื่นล้านบาท ที่จะต้องลงไปสู่สถานศึกษาอย่างแท้จริง โดยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปวางระบบให้ภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการงบ เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนอย่างแท้จริง
           2. การประกาศจุดเน้นเรื่องคุณภาพของผู้เรียนแต่ละระดับ
           3. เน้นการศึกษาตลอดชีวิตของประชาชน โดยจะประกาศให้ กศน.ตำบลเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชนกว่า 30 ล้านคน
           4.คุณภาพสถานศึกษายุคใหม่ที่จะส่งเสริมให้มีโรงเรียนดีประจำตำบล เพื่อเพิ่มความเท่าเทียมทางการศึกษาให้มากขึ้น
           5.การส่งเสริมเทคโนโลยีและสารสนเทศ โดยจัดตั้งกองทุนเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และ
           6.คุณภาพครู โดยจะดำเนินการพัฒนาครูทั้งระบบ ซึ่งตนได้มอบหมายให้องค์กรหลังที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแต่ละจุดเน้นนำไปบูรณาการเพื่อให้การดำเนินงานมีความเชื่อมโยงกันต่อไป
       ข้อเสนอนโยบายการจัดสมัชชาการศึกษาเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่ง สกศ.ได้ดำเนินโครงการวิจัย เรื่อง การพัฒนารูปแบบสมัชชาการศึกษาเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อศึกษาและออกแบบสมัชชาการศึกษาที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และสอดคล้องกับแผนการศึกษากลุ่มจังหวัด/จังหวัด
โดยมีการทดลองนำร่องจัดสมัชชาการศึกษาใน ๘ จังหวัด ใน ๔ ภูมิภาคๆ ละ ๑ กลุ่มจังหวัด ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.อุบลราชธานีและอำนาจเจริญ ภาคเหนือตอนล่าง ๑ จ.พิษณุโลกและอุตรดิตถ์ ภาคกลางตอนบน ๑ จ.พระนครศรีอยุธยาและนนทบุรี และภาคใต้ชายแดน จ.สงขลาและสตูล

          ซึ่งผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการจัดสมัชชาการศึกษา ควรเป็นรูปแบบที่เกิดจากการมีส่วนร่วมและรวมพลังของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง เรียกว่า ๓๓๓ หรือ  “Triple Three Model” ซึ่งประกอบด้วย
           - ๓ ตัวแรก หมายถึง ระดับจัดสมัชชาการศึกษา ๓ ระดับ ได้แก่ ระดับจังหวัด ระดับกลุ่มจังหวัด และระดับชาติ
           - ๓ ตัวที่สอง หมายถึง องค์ประกอบสมัชชาในแต่ละระดับ มี ๓ ภาค ได้แก่ ภาคองค์ความรู้ ภาคประชาชน และภาครัฐ ที่มีการสื่อสารแบบสองทาง
           - ๓ ตัวที่สาม หมายถึง กิจกรรมของสมัชชาการศึกษาแต่ละระดับ มี ๓ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ การประชุมสมัชชา และการติดตามผลข้อเสนอเชิงนโยบายและยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติ
             รมว.ศธ.ได้มอบหมายให้ สกศ.นำผลการวิจัยครั้งนี้ร่วมกับข้อเสนอของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองด้านการมีส่วนร่วม เพื่อดำเนินการกำหนดวิธีการและจัดรูปแบบการมีส่วนร่วมให้หลากหลายเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง รมว.ศธ.ได้เสนอให้มีรูปแบบการมีหุ้นส่วนทางการศึกษา PPP รูปแบบกรรมการสถานศึกษาทุกระดับ และรูปแบบโรงเรียนดีประจำตำบล นอกจากนี้ รมว.ศธ.ยังได้กล่าวถึงผลการวิจัยของคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้ให้คะแนนความพึงพอใจเกี่ยวกับความเชื่อว่าจะสามารถปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองได้สำเร็จ ถึงร้อยละ ๖ ซึ่งนับว่าเป็นระดับที่น่าพึงพอใจ แต่ยังมีจุดอ่อนด้านการมีส่วนร่วม จึงขอให้ สกศ. ไปศึกษาการสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
           รูปแบบการพัฒนาศักยภาพครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้เรียนในการใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่ง สกศ.ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ในการจัดอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษา ๔ ภูมิภาค ๔ รุ่นๆ ละ ๖๐ คน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเทคโนโลยี ผลงานการสร้างสรรค์สื่อ โดยให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหนังสือ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Book และนำสื่อที่ผลิตไปใช้กับนักเรียน ซึ่งมีรูปแบบความร่วมมือระหว่างองค์กรกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนด้วย
           สำหรับผลการประเมินครูและบุคลากรทางการศึกษาเรื่องความรู้ความเข้าใจด้านการใช้สื่อและเทคโนโลยี ตลอดถึงกระบวนการพัฒนาหนังสือ พบว่า ครูและบุคากรทางการศึกษา มีความรู้ความเข้าใจด้านการใช้สื่อ และกระบวนการพัฒนาหนังสือเพิ่มขึ้น มีทักษะการใช้เทคโนโลยีและผลงานสร้างสรรค์สื่อ สามารถพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีรูปภาพ สีสัน ดึงดูดความสนใจได้หลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังพบว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษา เห็นว่า การนำสื่อและเทคโนโลยีไปใช้ในสถานศึกษา เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา

             รมว.ศธ.กล่าวย้ำเน้นเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศว่า การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาเป็นนโยบายหลักของ ศธ.อยู่แล้ว จึงได้มอบหมายให้ สป.จัดการพัฒนา e-Learning เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา และนำผลการอบรมครูไปร่วมเพื่อดำเนินการขับเคลื่อนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นนโยบายหลักต่อไป
            เป้าหมายและการพัฒนาโรงเรียนดีประจำตำบล ปี ๒๕๕๓-๒๕๕๗ และผลการดำเนินงาน ภาพความสำเร็จในการพัฒนาโรงเรียนดีประจำอำเภอ ซึ่ง สพฐ.ได้เสนอการพัฒนาสถานศึกษาให้ไปสู่สถานศึกษายุคใหม่ ซึ่งมีจำนวนโรงเรียนทั้งหมด ๓๒,๐๐๐ โรงเรียน ประกอบด้วย ยกระดับเป็นโรงเรียนสู่มาตรฐานสากล ๕๐๐ โรงเรียน โรงเรียนดีประจำอำเภอ ๒,๕๐๐ โรงเรียน ยกระดับมาตรฐานคุณภาพเป็นโรงเรียนดีประจำตำบล ๗,๐๐๐ โรงเรียน ส่วนอีก ๒๒,๐๐๐ โรงเรียน เป็นโรงเรียนขนาดเล็กในชุมชนและหมู่บ้าน สำหรับโรงเรียนดีประจำตำบล ได้มีการกำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตร์ในการดำเนินการพัฒนาโรงเรียนดีประจำตำบล ในรูปแบบ ๗๗๗ คือ
       - ๔ เดือนแรก ดำเนินการ ๗ ประการ คือ มีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน มีเป้าหมายพัฒนานักเรียนที่เข้าใจถูกต้องตรงกัน สถานศึกษาสะอาด มีบริเวณโดยรอบร่มรื่น สวยงาม มีบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้าน มีความปลอดภัย ปลอดสารเสพติด และเปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของและพัฒนา
        - ๔ เดือนต่อมาจะต้องดำเนินการ ๗ ประการ คือ มีห้องสมุด ๓ ดี มีห้องปฏิบัติการ มีศูนย์การเรียนรู้อาชีพ มีศูนย์กีฬาชุมชน มีห้องสุขาที่ถูกสุขลักษณะ มีครูที่ใช้แหล่งเรียนรู้และเทคโนโลยีสารสนเทศ และมีการบริหารที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
         - อีก ๔ เดือนต่อไป ต้องการให้โรงเรียนดีประจำตำบลมี ๗ อย่าง คือ มีชื่อเสียงดี มีนักเรียนใฝ่รู้ ปลูกฝังให้นักเรียนใฝ่เรียน และใฝ่ดี มีความเป็นไทย สุขภาพดี และรักการงานอาชีพ
         รมว.ศธ.กล่าวเพิ่มเติมว่า ศธ.จะประกาศการพัฒนาสถานศึกษายุคใหม่ ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดโครงการโรงเรียนดีประจำตำบล เพื่อให้มีการขับเคลื่อนเรื่องสถานศึกษายุคใหม่อย่างเป็นรูปธรรม โดยได้มอบให้ สพฐ.ดำเนินการ ๓ เรื่อง ได้แก่
           ๑.พัฒนารูปแบบโรงเรียนดีประจำตำบลให้สนองตอบต่อการเป็นโรงเรียนดีใกล้บ้าน มีทั้งระดับปฐมวัย มีการเรียนร่วม และเรียนปกติที่มีความพร้อมอยู่ในโรงเรียนเดียว
           ๒.มุ่งเน้นให้โรงเรียนดีประจำตำบลมีบุคลากรที่มีความสามารถในการสอนทุกสาระการเรียนรู้ และเชื่อมโยงกับโรงเรียนเครือข่าย หรือโรงเรียนพี่เลี้ยงในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพื่อต่อยอดความเป็นเลิศให้กับนักเรียน และ
           ๓.มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา เพื่อให้เป็นศูนย์กลางสอดคล้องกับศูนย์การเรียนรู้ชุมชน กศน.ตำบล เป็นการสร้างฐานการเรียนรู้ในระดับล่างที่มีความเข้มแข็ง นอกจากนี้ยังได้เสนอรูปแบบการพัฒนาสถานศึกษายุคใหม่ทั้งระบบ ตั้งแต่โรงเรียนดีประจำตำบล โรงเรียนดีประจำอำเภอ ที่สังกัด สพฐ. ๕๐๐ โรงเรียน และสังกัด สช. ๕๐๐ โรงเรียน และโรงเรียนมุ่งสู่มาตรฐานสากล
ที่มา : ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ข่าวที่ 332/2553
สรุป : ผลประชุมกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณา 6 จุดเน้นคุณภาพปี 2554 รูปแบบการจัดสมัชชาการศึกษา ควรเป็นรูปแบบที่เกิดจากการมีส่วนร่วมและรวมพลังของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง เรียกว่า ๓๓๓ หรือ  “Triple Three Model” รูปแบบการพัฒนาศักยภาพครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้เรียนในการใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต เป้าหมายและการพัฒนาโรงเรียนดีประจำตำบล ปี ๒๕๕๓-๒๕๕๗

ที่มา ต้นฉบับ สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ http://www.moe.go.th/moe/upload/news20/FileUpload/21434-8841.pdf

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น